Filler


โปรแกรมฟิลเลอร์ (Program Filler) กับเรื่องที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจฉีดเพื่อ
ให้คุณสวยได้อย่างปลอดภัยที่ Princess Wellness Clinic


ความสมดุลบนใบหน้าคือความงดงามในอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งจะช่วยเสริมบุคลิกภาพและสร้างความมั่นใจให้กับการใช้ชีวิต และหนึ่งในวิธีที่สามารถช่วยปรับแก้ไขรูปหน้าให้ดูสมดุลได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ทำได้สะดวก เห็นผลลัพธ์ได้ไว และได้รับความนิยมมากในปัจจุบันก็คือ “การฉีดฟิลเลอร์ (Filler)”หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่สนใจ หรือกำลังตัดสินใจที่จะฉีดฟิลเลอร์เพื่อปรับรูปหน้า Princess Wellness Clinic ได้รวมครบทุกเรื่องที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์มาให้แล้ว จะมีเรื่องอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย


โปรแกรมฟิลเลอร์คืออะไร

ฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็มผิวที่ฉีดเข้าไปใต้ผิวหนังและสามารถคงตัวอยู่ในชั้นใต้ผิวหนังได้ชั่วคราว หรือถาวร โดยสารเติมเต็มผิวที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (U.S. FDA) และ อย. ของประเทศไทย สามารถนำมาใช้ฉีดปรับรูปหน้าได้โดยไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายก็คือ สารที่อยู่ในกลุ่มไฮยาลูโรนิคแอซิด (Hyaluronic Acid) หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า “HA”

HA เป็นสารที่มีคุณสมบัติช่วยกักเก็บน้ำและความชุ่มชื้น สามารถเติมเต็มชั้นผิวและเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว ทำให้บริเวณที่ฉีดเข้าไป ผิวจะเต่งตึงและดูมีสุขภาพดี อีกทั้งยังมีความปลอดภัยสูง สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่มีการตกค้างในร่างกาย ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้จึงทำให้แพทย์นิยมนำ HA มาใช้ฉีดเติมเต็มชั้นผิวบริเวณต่าง ๆ ของใบหน้า เพื่อทดแทนปริมาณคอลลาเจนในชั้นผิวที่หายไป


โปรแกรมฟิลเลอร์มีกี่ชนิดสามารถแบ่งชนิดของฟิลเลอร์ออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ดังนี้

1. Permanent Filler : ฟิลเลอร์ที่อยู่แบบถาวร

ยกตัวอย่างเช่น ซิลิโคนเหลว (Liquid Silicone) หรือ พาราฟิน (Paraffin) เป็นสารที่ฉีดเข้าไปแล้วจะไม่สลายได้เอง และอาจมีผลข้างเคียงได้ในระยะยาว ซึ่งในปัจจุบันองค์การอาหารและยาไม่อนุญาตให้ใช้เป็นสารเติมเต็ม เพราะการที่ฟิลเลอร์ไม่สามารถสลายได้เองจะเสี่ยงทำให้เกิดก้อนแข็ง มีโอกาสเกิดการอักเสบ เป็นหนอง และยากต่อการแก้ไข ถ้าหากต้องการเอาออกก็จำเป็นต้องผ่าออก หรือขูดออกเท่านั้น

2. Non-Permanent Filler : ฟิลเลอร์ชั่วคราว

ฟิลเลอร์กลุ่มนี้เมื่อฉีดเข้าไปแล้วจะสามารถสลายได้เอง หลังสลายไปก็สามารถฉีดเติมใหม่ได้เรื่อย ๆ โดยสารที่อยู่ในกลุ่มนี้ก็มีอยู่หลายชนิด เช่น Hyaluronic Acid, Autologous Fat หรือ Calcium Hydroxyapatite เป็นต้น ฟิลเลอร์ในกลุ่มนี้ทาง อย. ไทย ให้การรับรองแล้วว่าปลอดภัย ได้รับความนิยม และมีใช้กันอย่างแพร่หลายโดยเฉพาะสารเติมเต็มชนิด Hyaluronic Acid หรือ HA เนื่องจากเป็นสารประเภทที่พบได้ในธรรมชาติของร่างกายจึงเข้ากันได้กับร่างกายของเราโดยไม่เป็นอันตราย

ฉีดฟิลเลอร์บริเวณไหนได้บ้าง

การฉีดฟิลเลอร์จะฉีดตามจุดต่าง ๆ บนใบหน้า บริเวณที่มีปัญหาร่องลึกและริ้วรอย โดยบริเวณที่สามารถฉีดได้และได้รับความนิยมมีอยู่ด้วยกัน 7 จุดดังนี้

1. ใต้ตา

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา นับเป็นจุดแรกที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ เพราะจะช่วยแก้ปัญหาขอบตาดำ ใต้ตาคล้ำ แก้ปัญหาสำหรับคนที่มีถุงใต้ตา ช่วยเติมเต็มเบ้าตาลึกและลดริ้วรอยอย่างเห็นผล ทำให้ภาพรวมของใบหน้าดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ

2. ร่องแก้ม

การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เป็นอีกหนึ่งจุดที่ได้รับความนิยมในการฉีดและแพทย์ส่วนใหญ่แนะนำ การเติมเต็มที่ร่องแก้มจะช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยร่องแก้ม แก้ปัญหาร่องแก้มลึก ฉีดแล้วช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ และหลังฉีดสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ทันที

3. คาง

การฉีดฟิลเลอร์คาง เหมาะสำหรับคนที่มีฐานคางเดิมอยู่แล้ว ต้องการเสริมให้คางดูยาวเรียวได้รูปมากขึ้น หรือคนที่มีปัญหาคางสั้น คางตัด ซึ่งการเติมเต็มในจุดนี้จะเท่ากับเป็นการปรับรูปหน้า ทำให้หน้าดูเรียวและมีมิติมากขึ้น

4. ปาก

การฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นอีกหนึ่งจุดที่หลายคนสนใจ เพราะสามารถแก้ปัญหาปากไม่เท่ากัน ปากบาง ปากแห้งเป็นร่องได้ เมื่อฉีดเข้าไปก็จะทำให้ปากชุ่มชื้น ดูอวบอิ่มมากขึ้น นอกจากนั้นแล้วการฉีดในจุดนี้ยังเหมาะกับคนที่ต้องการปรับรูปปากให้เป็นทรงต่าง ๆ ด้วย

5. หน้าผาก

บริเวณหน้าผากก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ต้องการเติมเต็มด้วยฟิลเลอร์ การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากจะช่วยเสริมหน้าผากให้โหนกนูน ช่วยแก้ไขปัญหาสำหรับคนที่มีหน้าผากบุ๋มยุบ หน้าผากแบน หรือมีริ้วรอยร่องลึกบริเวณหน้าผาก เป็นหนึ่งวิธีในการปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนโดยไม่ต้องพักฟื้น

6. ขมับ

การฉีดฟิลเลอร์ขมับ โดยรวมแล้วจะเป็นการฉีดเติมเต็มเพื่อปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนมากขึ้น จะช่วยลดความเด่นของโหนกแก้ม จึงเหมาะกับคนที่มีปัญหาโหนกแก้มใหญ่และดูเด่นเกินไป นอกจากนั้นแล้วการฉีดในจุดนี้ยังช่วยแก้ปัญหาคนที่มีขมับบุ๋ม ขมับยุบ และคนที่มีปัญหาเปลือกตาตกได้อีกด้วย

7. แก้มส้ม

การฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม จะเป็นการเติมเต็มฟิลเลอร์ที่บริเวณกลางหน้า หรือพวงแก้ม ที่มีการยุบตัวของกระดูก กล้ามเนื้อ หรือไขมัน จนทำให้ผิวหย่อนคล้อย หรือเป็นริ้วรอย ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยขึ้น และทำให้ใบหน้าดูมีมิติ และสดใสมากขึ้น


ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์

  • สามารถช่วยลดการเกิดริ้วรอย ช่วยชะลอวัย ทำให้ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์ เพราะฟิลเลอร์จะช่วยทำให้ผิวบริเวณที่ฉีดมีความชุ่มชื้น ยืดหยุ่น และแม้ว่าสารเติมเต็มที่ฉีดเข้าไปจะสลายไปหมดแล้วตามกาลเวลา ผิวก็จะยังคงสภาพที่ดูดี เพราะคอลลาเจนและอิลาสตินของร่างกายจะยังคงอยู่ ไม่สลายหายไปนั่นเอง
  • ให้ผลลัพธ์ที่ดูดีมีความเป็นธรรมชาติมากกว่าการเติมเต็มผิวด้วยวิธีอื่น ๆ
  • เป็นหัตถการที่ปลอดภัย ได้รับการรับรองจาก อย. ไม่มีสารตกค้าง สามารถสลายเองได้ตามธรรมชาติ
  • ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีความเสี่ยงในการวางยาสลบ ไม่มีรอยแผลเป็น ไม่ต้องพักฟื้น
  • หลังฉีดเห็นผลทันที และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
  • ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อมีความแตกต่างกันอย่างไร
  • สำหรับฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดเพื่อเติมเต็มผิวในปัจจุบันจะมียี่ห้อให้เลือกมากมาย และในแต่ละยี่ห้อก็ยังจะมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นรุ่นย่อยให้เลือกลงไปอีก ซึ่งตรงนี้ก็ทำให้หลายคนสงสัยว่า แต่ละยี่ห้อมีความแตกต่างกันอย่างไร แล้วควรจะเริ่มต้นเลือกจากยี่ห้อไหนดี

ในส่วนนี้ Princess Wellness Clinic จะขอแนะนำฟิลเลอร์ 3 ยี่ห้อหลักที่ อย.ไทย รับรอง และได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน โดยแต่ละยี่ห้อมีความแตกต่างที่น่าสนใจดังนี้

1. Restylane

เป็นผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์แบรนด์แรกของโลกที่พัฒนาขึ้นจากประเทศสวีเดน มีการวิจัยและพัฒนาอย่างจริงจังเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยสูงสุด ยี่ห้อนี้มีการนำเข้าโดยบริษัท กัลเดอร์มา (ประเทศไทย) จำกัด และในปัจจุบันก็ยังมีการพัฒนารุ่นใหม่ ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง 

Restylane นั้น จะมีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยมาใช้ในกระบวนการผลิตรุ่นใหม่ออกมา เพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีความหลากหลาย ตอบโจทย์กับการนำมาใช้แก้ปัญหาผิวที่หลากหลาย เช่น 

  • Restylane Classic ตัวเนื้อสารจะมีโมเลกุลใหญ่ ให้สัมผัสที่แข็งปานกลาง เหมาะสำหรับการใช้เติมปัญหาร่องลึกต่าง ๆ
  • Restylane Vital Light เนื้อสารจะนิ่มและมีโมเลกุลขนาดเล็ก เหมาะสำหรับแก้ปัญหาริ้วรอยและการเติมผิวชั้นตื้น

2. Juvederm

เป็นฟิลเลอร์จากอเมริกา ได้รับการรับรองคุณภาพและความปลอดภัยแล้วทั้งจาก อย. อเมริกา และ อย. ไทย นำเข้าโดยบริษัท แอลเลอร์แกน (ประเทศไทย) จำกัด ยี่ห้อนี้จะมีการผสมยาชามาเรียบร้อย ช่วยให้ไม่รู้สึกเจ็บเวลาฉีด สามารถนำไปใช้ได้กับทุกจุดบนใบหน้า และเป็นหนึ่งยี่ห้อที่ได้รับความนิยมสูง 

ในปัจจุบัน Juvederm มีรุ่นย่อยออกมาหลายรุ่น และมีคุณสมบัติที่น่าสนใจแตกต่างกันไป เช่น 

  • Juvederm Volift จะมีเนื้อสัมผัสที่มีความละเอียด เรียบเนียน และมีความนิ่มในระดับปานกลาง เหมาะสำหรับการเติมร่องแก้ม เติมปาก
  • Juvederm Volbella เนื้อนิ่มและมีความเรียบเนียนเช่นกัน แต่จะเหมาะกับการฉีดลดริ้วรอยใต้ตา และริ้วรอยชั้นตื้นในบริเวณอื่น ๆ

3. Belotero

เป็นฟิลเลอร์จากสวิตเซอร์แลนด์ นำเข้าโดย บริษัท เมิร์ซ เฮลธ์ แคร์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยจะมีความน่าสนใจตรงที่ใช้ Cohesive Polydensified Matrix (CPM) ซึ่งเป็นเทคนิคพิเศษในการผลิตทำให้ฟิลเลอร์มีคุณสมบัติพิเศษเพิ่มขึ้น

Belotero จะมีรุ่นย่อยที่มีความน่าสนใจ เช่น 

  • Belotero Volume เนื้อจะมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับการเติมขมับ คาง แก้มตอบ, Belotero Balance เหมาะสำหรับการเติมร่องแก้ม หว่างคิ้ว
  • Belotero Soft เหมาะสำหรับการเติมเพื่อแก้ปัญหาริ้วรอยชั้นตื้น อย่างริ้วรอยที่ใต้ตา และหางตา

ปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับการฉีดในแต่ละจุด

  • ใต้ตา ปริมาณที่เหมาะสม คือ 2-4 CC
  • ร่องแก้ม ปริมาณที่เหมาะสม คือ 1-3 CC
  • คาง ปริมาณที่เหมาะสม คือ 1-4 CC
  • ปาก ปริมาณที่เหมาะสม คือ 1-2 CC
  • หน้าผาก ปริมาณที่เหมาะสม คือ 2-4 CC
  • ขมับ ปริมาณที่เหมาะสม คือ 1-3 CC

ข้อควรปฏิบัติก่อนการฉีดฟิลเลอร์

  1. ก่อนทำ 3-7 วันควรงดยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs ยาละลายลิ่มเลือด และวิตามิน
  2. ก่อนทำ 1 วันควรงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  3. ก่อนทำ 1 วัน ควรงดการออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด รวมไปถึงควรเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ใบหน้าสัมผัสความร้อน อย่างการซาวน่า ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น เป็นต้น
  4. หากมีโรคประจำตัว หรือมีอาการของผิวหนังอักเสบบริเวณที่จะทำการฉีดฟิลเลอร์ควรแจ้งแพทย์ก่อนทำหัตถการ

หลังฉีดฟิลเลอร์แล้วควรปฏิบัติตัวอย่างไร

  • หลังฉีดอาจพบอาการเขียวช้ำหรือบวมแดงได้ จึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสในบริเวณจุดที่ฉีด หลังจากนั้นประมาณ 2-3 วันอาการก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายไปเอง
  • หลีกเลี่ยงให้บริเวณจุดที่ฉีดฟิลเลอร์สัมผัสกับความร้อนทุกชนิด อย่าง การตากแดด การออกกำลังกายกลางแจ้ง การซาวน่า เป็นต้น
  • ให้เลี่ยงการขยับผิวในจุดที่ฉีดในช่วง 3 วันแรก เพราะอาจทำให้สารเติมเต็มเคลื่อนตัวจนอยู่ผิดตำแหน่งได้
  • ควรดื่มน้ำมาก ๆ ซึ่งจะช่วยทำให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดคงสภาพได้ดีมากยิ่งขึ้น


ผลข้างเคียงที่พบได้จากการฉีดฟิลเลอร์

แม้ว่าการฉีดฟิลเลอร์จะเป็นหัตถการที่ปลอดภัย แต่ถ้าหากฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญการก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้ โดยผลข้างเคียงที่พบได้จากการทำหัตถการนี้มีดังนี้

  • อาการเขียวช้ำ หรือบวมแดงบริเวณที่ฉีด เป็นผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไป สามารถหายได้เองภายใน 2-3 วัน
  • ภาวะฟกช้ำ เกิดจากเข็มผ่านเส้นเลือด
  • เส้นเลือดอุดตันจากการที่ฉีดฟิลเลอร์พลาดเข้าสู่เส้นเลือด ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะเนื้อตายได้ สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดสลายฟิลเลอร์
  • เนื้อฟิลเลอร์ไหลย้อยมากองรวมกัน หรือฟิลเลอร์เป็นก้อนจากการฉีดด้วยเทคนิคที่ไม่ถูกต้อง สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดสลายฟิลเลอร์

การฉีดสลายฟิลเลอร์คืออะไร

การฉีดสลายฟิลเลอร์ (Dissolving Filler) คือ การฉีดสารเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) เข้าไปย่อยสลายสารเติมเต็มในกลุ่ม HA โดยจะทำให้โมเลกุลในการจับตัวเป็นน้ำของ HA ลดลง และทำให้โมเลกุลค่อย ๆ สลายตัวลงจนหมดไปในที่สุด

ฉีดฟิลเลอร์เจ็บไหม

ก่อนที่จะทำการฉีดฟิลเลอร์ แพทย์จะมีการแปะยาชาเฉพาะที่ หรือประคบเย็นก่อน ซึ่งจะช่วยลดความเจ็บได้มาก อีกทั้งฟิลเลอร์ในปัจจุบันยังมีการผสมยาชาด้วย ใครที่กลัวเจ็บ ไม่ต้องกังวลเลย รับรองว่าสามารถทำได้สบาย ๆ อย่างแน่นอน

ฉีดฟิลเลอร์อันตรายไหม

การฉีดฟิลเลอร์ หากฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญ แล้วแพทย์ฉีดเข้าเส้นเลือด หรือฉีดผิดตำแหน่งก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้ แต่ถ้าหากทำกับแพทย์ที่มีความชำนาญการ มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์มาอย่างยาวนาน และเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่เป็นของแท้ ผ่านการรับรองจาก อย.ไทย ก็มั่นใจได้ว่าจะไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายอย่างแน่นอน