or nose reshaping surgery,


เสริมจมูกทรงสวยรับกับใบหน้าดูมีมิติสวยสะดุดตาด้วยเทคนิคเฉพาะที่ Princess Wellness Clinic

การเสริมจมูกสวย ๆ ที่ดูดีมีความเป็นธรรมชาติ น่าจะเป็นสิ่งที่ใครหลายคนให้ความนิยม และสนใจอย่างมากในประเทศไทย เพราะสามารถเปลี่ยนแปลงโครงหน้าเดิมให้ดูโดดเด่นขึ้นได้ แต่ก็มีบางกรณีที่เคยเสริมจมูกมาแล้วต้องกลับมาแก้ใหม่ จากปัญหาซิลิโคนทะลุ, จมูกเอียง, รูจมูกผิดรูป หรือซิลิโคนลอย เพื่อให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำจมูกยังไงให้ปังตั้งแต่ครั้งแรก 

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การมีจมูกที่ดูสวยสอดรับกับใบหน้า ช่วยเสริมเสน่ห์และเพิ่มความมั่นใจให้เราได้เป็นอย่างดี เป็นอีกหนึ่งความสวยที่สาว ๆ และผู้ที่อยากมีจมูกที่ดูดีสามารถทำได้ทันที เพราะโดยพื้นฐานแล้ว สรีระของคนเอเชียจะมีรูปทรงที่แตกต่างจากคนยุโรป โดยเป็นพื้นฐานที่ทำให้แต่ละท่านมีรูปทรงที่แตกต่างกัน การปรับแต่งแก้ไขเพื่อให้ดูดีในทุกมิติ จึงเป็นทางเลือกที่ช่วยคุณได้ และปัจจุบันมีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่มีความปลดภัย มีความทันสมัย จนได้ผลลัพธ์ดีตามแผนการรักษาที่วางไว้


เสริมจมูกคืออะไรทำอย่างไรให้ปังให้สวยเด่นชัด

การเสริมจมูก (Rhinoplasty) คือ การผ่าตัดศัลยกรรมตกแต่งรูปทรงจมูกให้มีความโด่งขึ้น สวยงามเด่นชัด ด้วยการเสริมจมูกด้วยวัสดุที่เหมาะสม เช่น ซิลิโคน (Silicone), กอร์เท็กซ์ (Gore-tex) รวมถึงกระดูกอ่อน ซึ่งถือว่าเป็นที่นิยมอย่างมากในวงการเสริมความงาม นอกจากนี้ยังสามารถช่วยแก้ไขทรงจมูกที่ผิดรูป, จมูกไม่ได้สัดส่วน, และแก้ไขโครงสร้างจมูกจากอุบัติเหตุ หรือความบกพร่องตั้งแต่กำเนิด 

การวางแผนการทำศัลยกรรมจึงต้องอาศัยความชำนาญ เพื่อให้ได้รูปทรงที่ดูดี ดูสวย แลดูมีความเป็นธรรมชาติ ดูเนียนตา และต้องมีมิติที่สอดรับกับใบหน้าโดยรวม การวางตำแหน่งจึงมีความสำคัญ เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาตรงตามแผนการรักษา ซึ่งจะต้องคำนวณมิติบนใบหน้าทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหน้าผาก คิ้ว จมูก ปาก ล้วนต้องมีองศาที่สอดคล้องสอดรับกับใบหน้า เพื่อให้การทำออกมามีความสวยงาม ดั้งโด่งสวยเป๊ะจะสายฝอหรือสไตล์เกาหลีก็สามารถทำได้

  • บริการปรับแต่งโดยซิลิโคนเป็นเทคนิคที่ใช้วัสดุทางการแพทย์ โดยศัลยแพทย์จะเป็นผู้เลือกให้เหมาะสมกับคนไข้ หลังจากนั้นจะทำการปรับแต่งแก้ไขรูปจมูกให้ดูโด่งมีมิติ เป็นธรรมชาติ
  • บริการปรับแต่งให้ปลายพุ่งเป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมในกลุ่มดาราเกาหลี ซึ่งศัลยแพทย์จะทำการปรับแต่งให้บริเวณปลายจมูก ดูพุ่ง มีองศาดูสวยเนียนตา
  • บริการปรับแต่งโดยใช้กระดูกอ่อนเป็นเทคนิคพิเศษที่ศัลยแพทย์จะนำกระดูกบริเวณหลังใบหู แทนการใช้วัสดุทางการแพทย์ มาช่วยปรับแต่งให้ดั้งดูโด่ง สวยแบบมีมิติ สมดุลกับใบหน้า
  • บริการปรับแต่งโดยใช้เนื้อเยื่อเทียมเป็นเทคนิคเฉพาะที่ศัลยแพทย์จะนำเนื้อเยื่อเทียม ซึ่งเป็นวัสดุที่สังเคราะห์ได้จากคอลลาเจน มา ปรับแต่งแทนการใช้วัสดุทางการแพทย์ เพื่อให้ดั้งโด่งขึ้น ดูสวยเป็นธรรมชาติ
  • บริการแก้ไขทรงเดิมโดยเทคนิคแบบโอเพ่นเป็นบริการที่ช่วยปรับแต่งแก้ไขทรงเดิมให้ดูเนียนสวย ภายใต้โครงสร้างใหม่ สวยเป๊ะแบบดารา
  • บริการปรับแต่งด้วยเทคนิค SLOPE 60
    เป็นเทคนิคพิเศษ โดยศัลยแพทย์จะทำการปรับรูปทรงให้ทรงสวยเหมือนน้ำกำลังหยด
  • บริการปรับแต่งด้วยเทคนิคตัดบริเวณปีกจมูกเป็นเทคนิคการปรับแต่งโดยวิธีตัดบริเวณปีกจมูก ให้ดูสมดุล เพื่อผลลัพธ์ที่ดูสวยหวานเป็นธรรมชาติ


เทคนิคเสริมจมูกมีกี่แบบ


การเสริมแบบเปิด (Open Rhinoplasty) หรือที่เรียกว่าเสริมจมูกแบบโอเพ่น เป็นเทคนิคการแก้ปัญหาจมูกที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากศัลยแพทย์จะสามารถเห็นโครงสร้างภายในจมูกได้ทั้งหมด จึงทำให้ปรับแต่งโครงสร้างเดิมที่ปัญหา ก่อนเสริมจมูกใหม่ โดยเทคนิคนี้จะเหมาะกับคนไข้ที่มีปัญหา จมูกคดเบี้ยว, มีฮัมพ์จมูกเยอะ, จมูกสั้น, หรือจมูกผิดรูปจากอุบัติเหตุ และตั้งแต่กำเนิด ซึ่งเป็นการเสริมโดยใช้ Gore-tex ในการปรับโครงสร้าง พร้อมรองปลายจมูก เพื่อป้องกันการทะลุ


เสริมจมูกเเบบปิด


การเสริมจมูกแบบปิด (Closed Endonasal Rhinoplasty) ศัลยแพทย์จะใช้เทคนิคการเปิดแผลบริเวณขอบรูจมูกฝั่งใดฝั่งหนึ่ง หรือทั้งสองข้าง เพื่อสร้างช่องว่างที่สันจมูกใต้เยื่อหุ้มกระดูก เพื่อใส่แท่งซิลิโคนเข้าไปตามรอบแผลผ่าตัดพร้อมกับตกแต่งโครงสร้างภายใน และปลายจมูก เป็นเทคนิคที่เหมาะกับคนไข้ที่โครงสร้างจมูกเดิมไม่มีปัญหามากเท่าไหร่ แต่ถ้ากังวลว่าซิลิโคนจะทะลุ ก็สามารถรองปลายจมูกด้วยกระดูกอ่อนหลังใบหูได้ เพื่อเพิ่มความทนทานการเสียดสี


การเสริมจมูกแบบเปิด


การเสริมแบบเปิด (Open Rhinoplasty) หรือที่เรียกว่าเสริมจมูกแบบโอเพ่น เป็นเทคนิคการแก้ปัญหาจมูกที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากศัลยแพทย์จะสามารถเห็นโครงสร้างภายในจมูกได้ทั้งหมด จึงทำให้ปรับแต่งโครงสร้างเดิมที่ปัญหา ก่อนเสริมจมูกใหม่ โดยเทคนิคนี้จะเหมาะกับคนไข้ที่มีปัญหา จมูกคดเบี้ยว, มีฮัมพ์จมูกเยอะ, จมูกสั้น, หรือจมูกผิดรูปจากอุบัติเหตุ และตั้งแต่กำเนิด ซึ่งเป็นการเสริมโดยใช้ Gore-tex ในการปรับโครงสร้าง พร้อมรองปลายจมูก เพื่อป้องกันการทะลุ


เสริมจมูกอันตรายไหม ?


การเสริมจมูกเป็นหนึ่งในหัตถการที่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง รวมถึงผลข้างเคียงแทรกซ้อนที่อาจเกิด ขึ้นอยู่ว่าจะมากหรือน้อยแค่ไหน ฉะนั้นก่อนคนไข้จะตัดสินใจทำจมูก ก็ควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ เช่น การเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ สามารถประเมิน และออกแบบซิลิโคนให้เข้ากับใบหน้าของคนไข้ได้อย่างเหมาะสม เพื่อช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจ ตรงความต้องการของคนไข้ อีกทั้งต้องคำนึงเกี่ยวกับการเลือกใช้ซิลิโคนที่มีคุณภาพ เพื่อเพิ่มความปลอดภัย และลดโอกาสเสี่ยงจากสาเหตุต่าง ๆ 


สรุปข้อดี – ข้อเสียของการเสริมจมูกแบบเปิดและแบบปิด

การเสริมจมูกแบบเปิดการเสริมจมูกแบบปิด
ข้อดี
เหมาะกับแก้ปัญหาจมูกคนไข้ทุกเคสเป็นเทคนิคที่ทำให้เห็นโครงสร้างภายในได้อย่างละเอียด สามารถแก้ไขรูปทรงจมูกได้เป็นอย่างดี สามารถตกแต่งปลายจมูกให้เป็นรูปทรงได้แม้ไม่ต้องใส่ซิลิโคน ลดโอกาสจมูกทะลุป้องกันจมูกเบี้ยวเอียงได้ 

ข้อดี
เหมาะกับคนไข้ที่เสริมจมูกครั้งแรก และไม่มีปัญหาโครงสร้างจมูกไม่ต้องใช้การวางยาสลบ ใช้เวลาพักฟื้นน้อย ไม่เห็นรอยแผลการผ่าตัดเสริมจมูก เนื่องจากซ่อนอยู่ภายในโพรงจมูกใช้เวลาผ่าตัดน้อย เหมาะกับคนไข้ที่ต้องการจมูกโด่ง ๆ มีราคาที่ถูก 

ข้อเสีย 
อาจเห็นรอยแผลหลังผ่าตัดบริเวณจมูกได้อย่างชัดเจน การผ่าตัดมีความซับซ้อนมาก จึงต้องอาศัยแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้นมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงใช้ระยะเวลาในการผ่าตัดนาน และมีการวางยาสลบ 

ข้อเสีย 
หากจมูกมีปัญหาซับซ้อนมาก จะไม่สามารถแก้ไขได้ ไม่สามารถลดขนาดของจมูก หรือสันจมูกให้เล็กลงได้ มีโอกาสเสี่ยงจมูกทะลุได้จมูกอาจเกิดการเบี้ยวเอียงได้ 


เลือกทรงจมูกอย่างไร ? ให้เหมาะกับใบหน้า

การเลือกรูปทรงจมูกให้เหมาะกับใบหน้าเป็นสิ่งสำคัญที่สรรหาคำนึงถึงเป็นอันดับแรก เพราะจะทำให้ใบหน้าเกิดการเปลี่ยนแปลงดูสมดุลแบบธรรมชาติ นอกจากกันเลือกใช้เทคนิค หรือประสบการณ์ความชำนาญด้านการผ่าตัดแล้ว ต้องใส่ใจการออกแบบรูปทรงจมูกให้เข้ากับโครงสร้างใบหน้าด้วย โดยมีวิธีสังเกตดังนี้ 

  1. รูปทรงจมูกต้องเข้ากับหน้าผาก เนื่องจากคนไข้ที่มีหน้าผากสูงจะสามารถเสริมซิลิโคนสูงได้ ทำให้ดูไม่หลอกตา
  2. รูปทรงจมูกต้องเหมาะกับโครงหน้าด้านกว้าง เพราะคนที่โหนกแก้มใหญ่ อาจไม่เหมาะกับการเสริมซิลิโคนบริเวณกลางจมูกให้สูงมาก เนื่องจากจะทำให้ไม่เข้ากับความกว้างของใบหน้า
  3. รูปทรงจมูกต้องพอดีกับความยาวของใบหน้า อาจสังเกตจากไรผม – สันจมูก / สันจมูก -ปลายจมูก / ปลายจมูก – คาง แบ่งเป็น 3 ส่วน เพราะมีความยาวที่สมดุลกัน


วัสดุที่ใช้ในการศัลยกรรมจมูก


สำหรับวัสดุที่ใช้ในการศัลยกรรมจมูกนั้น จะถูกแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ซิลิโคน – กระดูกอ่อน ที่ได้รับความนิยม และได้รับการยอมรับจากแพทย์ชั้นนำ โดยวัสดุที่นำมาใช้มีความแตกต่างกันดังนี้


 ซิลิโคน


การเสริมจมูกแบบที่นำซิลิโคนเสริมจมูกมาใช้ จะทำให้ได้รูปทรงที่คงที่แน่นอน สามารถปรับให้เข้ากับรูปทรงจมูกต่าง ๆ ได้ทุกรูปแบบ และใช้เวลาพักฟื้นน้อย รวมถึงเป็นราคาที่สามารถจับต้องได้ โดยประเภทของซิลิโคนก็ถูกแบ่งไว้ 2 ประเภทได้แก่


ซิลิโคนแบบสำเร็จรูป


จะเป็นซิลิโคนที่ขึ้นเป็นทรงมาให้แล้ว ทำให้มีโอกาสเบี้ยว หรือเอียงน้อยลง สามารถเรียกชื่อได้ตามลักษณะทรงจมูก แต่ก็อาจจะไม่เหมาะกับทุกคน เช่น ซิลิโคนแมนทิส (Mantis Silicone), ซิลิโคนบาร์บี้ (Barbie Silicone), ซิลิโคนจมูกอเมริกา (USA Silicone), ซิลิโคนจมูกเกาหลี (Korea Siliocone) เป็นต้น


ซิลิโคนแบบเหลาเอง


ซิลิโคนแบบเหลาเองจะมีลักษณะเป็นแท่ง หรือบล็อกสี่เหลี่ยม โดยแพทย์จะเป็นผู้ดีไซน์ และเหลาทรงให้เหมาะสมกับรูปทรงจมูกของคนไข้ นั้นหมายความว่าต้องอาศัยแพทย์ที่มีประสบการณ์เชี่ยวชาญ รวมถึงต้องมีความแม่นยำสูง เนื่องจากตัวซิลิโคนจะมีลักษณะเรียบลื่น ไม่เป็นขุ่ย และยังสามารถแบ่งย่อยได้อีก 4 ชนิด แข็ง, แข็งปานกลาง, นุ่ม และนุ่มมาก 


กระดูกอ่อน


การเสริมจมูกโดยใช้กระดูกอ่อน จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงบริเวณปลายจมูกไม่ให้ทะลุได้ในระยะยาว เพราะเพิ่มความหนาของผิวหนังบริเวณปลายจมูกไว้ แถมยังป้องกันไม่ให้ซิลิโคนไม่กระทบกับผิวหนังโดยตรง จึงช่วยลดการเสียดสี และส่งเสริมให้จมูกดูมีความธรรมชาติอีกด้วย ซึ่งกระดูกอ่อนที่ได้รับความนิยมมีอยู่ด้วย 3 ตำแหน่ง


กระดูกอ่อนหลังใบหู


จะเป็นตำแหน่งที่นิยมใช้มากที่สุด เพราะกระดูกอ่อนหลังหูมีลักษณะโค้งงอเล็กน้อย หลังจากนำกระดูกอ่อนออกมา จะไม่ทำให้ใบหูดูผิดปกติ แต่อาจจะต้องเพิ่มการดูแลแผลหลังใบหูเพิ่มขึ้น และต้องงดสระผมประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ 


กระดูกอ่อนผนังกั้นจมูก (Septum)


ถือว่าเป็นเทคนิคการผ่าตัดแบบเปิดยืดผนังกั้นจมูก และนำกระดูกอ่อนที่อยู่บริเวณกึ่งกลางรูจมูกออกมาใช้บางส่วน เพื่อปรับตำแหน่งรูปทรงจมูก พร้อมเสริมให้ดูยาวขึ้น ซึ่งจะส่งผลทำให้ปลายจมูกดูพุ่งกว่าเดิม แถมไม่ต้องมีแผลแบบการเสริมด้วยกระดูกอ่อนหลังใบหู


กระดูกอ่อนซี่โครง


การเสริมด้วยกระดูกอ่อนซี่โครง แพทย์จะต้องผ่าตัดเพิ่มเติม เพื่อนำกระดูกอ่อนซี่โครงขนาด 2 – 5 เซนติเมตร ออกมาจำนวน 1 – 2 ซี่ โดยอาจทำให้มีแผลบริเวณใต้ราวนม รวมถึงใช้เวลาในการผ่าตัดนาน มีค่าใช้จ่ายที่สูง แต่จะได้จมูกที่สวยธรรมชาติแบบถาวร อย่างไรก็ตามวิธีนี้ต้องอาศัยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงเท่านั้น เพื่อความปลอดภัย


การเตรียมตัวก่อนทำจมูก


แน่นอนว่าศัลยกรรมผ่าตัดทุกประเภทย่อมมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดเล็ก หรือการผ่าตัดใหญ่ ซึ่งมีปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ อยู่คือการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัดเสริมจมูก จึงอยากให้คนไข้ทุกท่านทำความเข้าใจไปกับคำแนะนำของแพทย์ดังนี้ 

  • แนะนำให้แจ้งรายละเอียดข้อมูลสุขภาพให้ครบถ้วน หากมีโรคประจำตัว หรือยาที่รับประทานเป็นประจำ เนื่องจากแพทย์จะได้ตรวจสอบว่ามีผลกระทบมากน้อยแค่ไหน 
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเสริม สมุนไพร และวิตามินทุกชนิดก่อนเข้ารับการผ่าตัดอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพราะอาจส่งผลกับการไหลเวียดเลือดครับ
  • งดการสูบบุหรี่อย่างน้อย 1 เดือน เพื่อป้องกันภาวะเนื้อเยื่อขาดเลือดมาเลี้ยง 
  • งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2 – 4 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด เนื่องจากแอลกอฮอล์จะทำให้เลือดสูบฉีดเพิ่มมากขึ้น 
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารทะเล, ของหมักดอง เพราะจะส่งผลทำให้แผลบริเวณที่ผ่าตัดเสริมจมูกอักเสบได้ 
  • แนะนำให้งดน้ำ และอาหารอย่างน้อย 1 วัน ในกรณีที่เป็นการผ่าตัดเสริมจมูกแบบเปิด เนื่องจากจะมีการวางยาสลบ


ขั้นตอนการเสริมจมูก

  • อาจมีการใช้ยาชา หรือวางยาสลบ ขึ้นอยู่กับปัญหาความซับซ้อนในการผ่าตัดเสริมจมูก โดยแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาในเรื่องนี้ หากเป็นการผ่าตัดด้วยเทคนิคแบบเปิด วิสัญญีแพทย์จะเป็นผู้วางยาสลบให้แก่คนไข้ แต่ถ้าเปิดการผ่าตัดแบบปิดจะเป็นการฉีดยาชาเฉพาะจุด 
  • สำหรับการผ่าตัดแพทย์จะเลือกใช้เทคนิคตามความเหมาะสมของแต่ละเคส เพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นการปรับโครงสร้างจมูก การเหลาซิลิโคน การกรีดเปิดแผล หรือตกแต่งรูปทรงจมูก ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง 
  • เมื่อทำการผ่าตัดเสร็จแล้ว แพทย์จะทำการเย็บปิดแผล หรือบางกรณีที่ต้องเข้าเฝือกบริเวณจมูก และใช้เวลาในการพักฟื้นประมาณ 5 – 7 วัน ก่อนแพทย์จะนัดเข้ามาติดตามผล และตัดไหมครับ 


การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดเสริมจมูก


หลังจากทำจมูกมาแล้วคนไข้อาจพบว่ามีอาการข้างเคียง เช่น ใต้ตาบวมช้ำ, มีรอยเขียวช้ำ, มีเลือดออก, แน่นจมูก หรือตึงบริเวณแผลผ่าตัด ซึ่งคนไข้ต้องดูแลอย่างเคร่งครัด โดยแพทย์มีคำแนะนำสำหรับการดูแลดังนี้ 

  • แนะนำให้ประคบเย็นด้วยผ้าเย็น หรือคลูแพ็คบริเวณหน้า โดยหลีกเลี่ยงการโดนแผลผ่าตัด จะช่วยทำให้เลือดหยุดไหล และลดอาการบวมลงได้ 
  • หากแผลผ่าตัดเริ่มปิดสนิท แพทย์จะแนะนำให้เปลี่ยนมาเป็นการประคบอุ่น เพื่อช่วยลดรอยเขียวช้ำได้ 
  • หลีกเลี่ยงการ แคะ, แกะ, เกา, สัมผัส, ขยี้บริเวณแผลผ่าตัดเป็นอันขาด เนื่องจากอาจทำให้แผลฉีกขาดได้ครับ 
  • แนะนำให้นอนโดยใช้หมอนรองคอ เนื่องจากต้องการให้ศีรษะสูงกว่าลำตัว เพื่อป้องกันภาวะเลือดคั่งในโพรงจมูก และหลีกเลี่ยงการพลิกตัวนอนคว่ำ 
  • ช่วง 1 สัปดาห์หลังจากทำจมูกมาควรหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีฝุ่นละอองปกคลุมหนาแน่น เพื่อป้องกันอาการไอจาม
  • แนะนำให้รับประทานอาหารอ่อน งดการทานอาหารแข็ง และเหนียว เพื่อหลีกเลี่ยงการขยับใบหน้าบ่อย ๆ 
  • งดการล้างหน้า หรือห้ามให้แผลผ่าตัดโดนน้ำเด็ดขาดอย่างน้อย 3 วัน เนื่องจากความอับชื้นจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย 
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารประเภทหมักดอง อาหารทะเล หรืออาหารรสจัด เนื่องจากจะทำให้แผลอักเสบ และหายได้ช้าลง 
  • งดการสูบบุหรี่ หรือดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ 1 เดือน เพราะมีสารบางชนิดส่งผลทำให้แผลสมานตัวได้ช้า 
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย เช่นการวิ่ง, ว่ายน้ำ, ยกของหนัก หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมถึงมีเพศสัมพันธ์ เนื่องจากอาจทำให้จมูกที่ยังไม่เข้าที่ผิดรูปได้ 
  • หากพบว่ามีอาการผิดปกติ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที